กรุงเทพฯ — กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมผลักดันร่างแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ซึ่งรวมถึงมาตรการคุมเข้มการแปลและเผยแพร่ซับไตเติ้ล โดยผู้แปลอิสระและสำนักพิมพ์แจ้งความกังวลถึงความเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีและผลกระทบต่ออาชีพ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 แหล่งข่าวจากกระทรวงวัฒนธรรมระบุว่าร่างกฎหมายมีเป้าหมายลดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านเว็บซับเถื่อนและแพลตฟอร์มเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่ได้รับอนุญาต
ตามร่างข้อเสนอที่กระทรวงฯ นำเสนอ คาดว่าจะมีการขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมการแปลซับไตเติ้ลเป็นการกระทำที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ชัดเจนมากขึ้น และเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้ต่อเว็บไซต์หรือกลุ่มที่เผยแพร่ซับเถื่อนเป็นระบบ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวในงานชี้แจงว่า “เป้าหมายหลักคือการปกป้องสิทธิของผู้สร้างสรรค์และผู้ถือลิขสิทธิ์ พร้อมทั้งสร้างช่องทางการออกใบอนุญาตที่ชัดเจนสำหรับการแปลเชิงพาณิชย์และการใช้เพื่อการศึกษา”
ฝั่งผู้แปลอิสระและสำนักพิมพ์รายย่อยออกแถลงการณ์ร่วมผ่านสมาคมนักแปลอิสระไทยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2025 ระบุความกังวลว่า หากนิยามความผิดและบทลงโทษกว้างเกินไป อาจทำให้ผู้แปลสายอาสาสมัคร ผู้ทำซับเพื่อการศึกษา และสำนักพิมพ์ขนาดเล็กต้องเผชิญคดีแพ่งหรืออาญา ตัวแทนกลุ่ม “นางสาวกรรณิการ์ ทองสุข” ระบุว่าพวกเขาต้องการให้มีกระบวนการอนุญาตที่ไม่ซับซ้อนและค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม ไม่ใช่การลงโทษที่ทำให้เกิดความหวาดกลัว
กรมทรัพย์สินทางปัญญา (DIP) ในการนำเสนอร่างระบุว่าจะเน้นไปที่การดำเนินการกับเว็บซับเถื่อนเป็นกลุ่มที่เผยแพร่เชิงพาณิชย์หรือสร้างผลกำไรจากการละเมิด ทั้งนี้จะใช้มาตรการบล็อกหน้าเว็บไซต์ ขอให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตร่วมมือ รวมถึงการแจ้งเตือนและสั่งลบเนื้อหาที่ละเมิดตามกระบวนการแจ้ง-ลบ (notice-and-takedown)
ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิทธิ์ดิจิทัลบางส่วนเตือนว่าการบังคับใช้ที่เข้มงวดโดยไม่ชี้แจงนิยามและข้อยกเว้น อาจกระทบเสรีภาพของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและการเข้าถึงความรู้ ด้านหนึ่งอาจช่วยลดการแพร่ของซับเถื่อน แต่หากไม่มีช่องทางอนุญาตที่ชัดเจน ผู้แปลที่ทำงานอิสระอาจถูกมองว่าเป็นผู้ละเมิดโดยไม่รู้ตัว
คำถามยอดนิยม: “แปลซับ ผิดลิขสิทธิ์ไหม” — โดยสรุป ตามหลักกฎหมายลิขสิทธิ์ทั่วไป การแปลผลงานที่มีลิขสิทธิ์ถือเป็นการสร้างงานอนุพันธ์ (derivative work) ซึ่งจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ หากแปลและเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์และต้องรับผิดทางแพ่งหรืออาญา ทั้งนี้ บางกรณีมีข้อยกเว้น เช่น การใช้งานเพื่อการศึกษา การวิจารณ์ หรือการนำเสนออย่างยุติธรรม ขึ้นกับข้อยกเว้นในกฎหมายและดุลยพินิจของศาล
บทบาทของกรมทรัพย์สินทางปัญญาในการจัดการซับเถื่อน — ในร่างแนวทางปฏิบัติของกรมฯ ระบุว่าจะทำงานเชิงรุกทั้งในเชิงกฎหมายและเชิงป้องกัน ประกอบด้วย (1) การประสานงานกับแพลตฟอร์มและผู้ให้บริการโฮสต์เพื่อการแจ้ง-ลบและบล็อกเนื้อหาผิดกฎหมาย (2) ดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการเว็บซับเถื่อนรายใหญ่ที่ทำการละเมิดเป็นระบบ (3) ให้คำปรึกษาและส่งเสริมกระบวนการออกใบอนุญาตการแปลสำหรับผู้แปลและสำนักพิมพ์ (4) จัดทำคู่มือและรณรงค์ความรู้แก่สาธารณะเกี่ยวกับสิทธิและข้อจำกัดของการแปล
ตัวแทนจากสำนักพิมพ์ขนาดกลางบางแห่งเห็นด้วยกับการปราบปรามเว็บซับเถื่อนที่ทำกำไรจากการละเมิด แต่ร้องขอให้แนวทางปรับตัวสำหรับผู้แปลอิสระและชุมชนแฟนซับ เช่น การออกใบอนุญาตแบบสัญญาอนุญาตหมู่ (collective licensing) หรือโมเดลแบ่งรายได้ เพื่อไม่ให้การบังคับใช้ทำให้กลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มีเจตนาทำกำไรต้องตกเป็นผู้ถูกดำเนินคดี
แหล่งข่าวจากกระทรวงวัฒนธรรมระบุว่า ร่างแก้ไขกฎหมายจะนำเข้าสู่การพิจารณาภายใน 2–3 เดือนข้างหน้า พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กรมทรัพย์สินทางปัญญากล่าวว่าจะจัดเวทีรับฟังความเห็นและประชุมร่วมกับตัวแทนผู้แปลอิสระ ผู้ถือลิขสิทธิ์ และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อหาจุดสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิและการรักษาพื้นที่สาธารณะบนอินเทอร์เน็ต
สรุป: เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการชนกันระหว่างมาตรการปกป้องผู้สร้างผลงานกับความเป็นจริงของสังคมการแปลและการเผยแพร่เนื้อหาออนไลน์ ผู้เกี่ยวข้องเรียกร้องให้การแก้ไขกฎหมายชัดเจนในนิยาม ขอบข่าย และข้อยกเว้น รวมทั้งมีมาตรการรองรับผู้แปลและสำนักพิมพ์ขนาดเล็ก เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการบังคับใช้เข้มงวดโดยไม่พร้อมรองรับ
